ความทรงจำ

วันจันทร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2555

การค้ำประกัน




          ค้ำประกัน คือ สัญญาซึ่งบุคคลหนึ่งเรียกว่า "ผู้ค้ำประกัน" สัญญาว่าจะชำระหนี้ห้แก่เจ้าหนี้ถ้าหากลูกหนี้ไม่ยอมชำระหนี้    หนี้ที่ค้ำประกันนี้จะเป็นหนี้อะไรก็ได้ทั้งสิ้น เช่น หนี้เงินกู้, หนี้ค่าสินค้า, หนี้การก่อสร้าง เป็นต้น

         หลักเกณฑ์ในการทำสัญญาค้ำประกัน
         สัญญาค้ำประกันต้องทำตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวต่อไปนี้
              1. ต้องทำหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง และ
              2. ต้องลงลายมือชื่อของผู้ค้ำประกัน  จึงจะฟ้องร้องบังคับคดีให้ผู้ค้ำประกันรับ
ผิดตามสัญญาค้ำประกันได้ หากไม่ได้ทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกันแล้วก็จะไม่
ได้ประโยชน์เพราะไม่สามารถฟ้องบังคับผู้ค้ำประกันได้

         ชนิดของสัญญาค้ำประกัน
         สัญญาค้ำประกันอาจแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด คือ
               1. สัญญาค้ำประกันอย่างไม่จำกัดจำนวนกล่าวคือ ลูกหนี้ต้องรับผิดชดใช้หนี้ให้แก่เจ้าหนี้เป็นจำนวนเท่าใด   ผู้ค้ำประกันก็ต้องชดใช้ให้แก่เจ้าหนี้ในจำนวนเท่ากันกับลูกหนี้ด้วย คือ ต้องรับผิดในต้นเงิน ดอกเบี้ย   ค่าเสียหายในการผิดนัดชำระหนี้ ค่าภาระติดพัน ตลอดจนค่าธรรมเนียมในการฟ้องร้องบังคับคดีด้วย
                2. สัญญาค้ำประกันจำกัดความรับผิดกล่าวคือ   ผู้ค้ำประกันได้ระบุจำนวนไว้ว่าจะรับผิด  ไม่เกินจำนวนตามที่ได้ระบุไว้เท่านั้น ดังนั้น หากลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้แล้วผู้ค้ำประกันก็จะใช้หนี้ดังกล่าวแทนลูกหนี้ เฉพาะเท่าจำนวนที่ตนระบุไว้เท่านั้น

         ข้อปฏิบัติในการเข้าทำสัญญาค้ำประกัน
         ผู้ใดจะเข้าเป็นผู้ค้ำประกันในการชำระหนี้ของบุคคลอื่นนั้น ควรปฏิบัติดังนี้
                1. อ่านสัญญาค้ำประกันให้ครบถ้วนทุกข้อก่อนลงชื่อในสัญญาค้ำประกัน
                2. หากประสงค์ที่จะค้ำประกันหนี้เพียงบางส่วน  ก็ให้เขียนระบุไว้โดยแจ้งชัดในสัญญาค้ำประกันว่าประสงค์ที่จะค้ำประกันเป็น จำนวนเท่าใด
                3. หากไม่ประสงค์ที่จะรับผิดร่วมกันกับลูกหนี้ในฐานะลูกหนี้ร่วมกันแล้ว ก็ต้องดูในสัญญาว่ามีข้อความที่ระบุว่าให้ตนรับผิดร่วมกันกับลูกหนี้หรือไม่ ถ้าไม่มีจึงค่อยลงชื่อในสัญญาค้ำประกัน

          ถ้าผู้ค้ำประกันชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ไปแล้ว ผู้ค้ำประกันมีสิทธิอย่างไร  ถ้าผู้ค้ำประกันได้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ไปแล้ว  ย่อมมีสิทธิไล่เบี้ยเอาคืนจากลูกหนี้เท่าจำนวนที่ตนได้ชดใช้แทนลูกหนี้ไป แล้ว

         ในกรณีดังต่อไปนี้ผู้ค้ำประกันย่อมพ้นจากความรับผิด    ไม่ต้องชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้

                 1. ถ้าหนี้ที่ตนค้ำประกันนั้นได้กำหนดวันชำระหนี้ไว้แน่นอนแล้ว   ต่อมาเจ้าหนี้ยอมผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้แล้ว ผู้ค้ำประกันเป็นอันหลุดพ้นจากความรับผิด

                  2. เมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระแล้ว ผู้ค้ำประกันขอชำระหนี้แทนลูกหนี้ ถ้าเจ้าหนี้ไม่ยอมรับชำระหนี้ผู้ค้ำประกันก็เป็นอันหลุดพ้นจากความรับผิด


   

               ที่มา : http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=41de95a8c4d562d7

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น