ความทรงจำ

วันจันทร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2555

บุตรที่ชอบด้วยกฏหมาย


          เด็กเกิดจากหญิงที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส เป็นบุตรนอกสมรสของชาย มีทางช่วยเปลี่ยนฐานะเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายได้นั้น มี 3 วิธี ด้วยกัน คือ
          1) บิดาจดทะเบียนสมรสกับแม่ของเด็ก การจดทะเบียนสมรสทำให้ลูกทุกคนที่เกิดขึ้นแล้ว และจะเกิดต่อไปมีฐานะเป็นลูกที่ชอบด้วยกฎหมาย ตั้งแต่วันที่บิดามารดาจดทะเบียนสมสรกัน
           2) ให้บิดาของเด็กจดทะเบียนรับรองบุตร  วิธีกรณีที่ชายไม่สามารถจดทะเบียนสมรสกับแม่เด็กได้ เพราะมีคู่สมรสแล้ว หรือมีเมียหลายคนไม่อยากจดทะเบียนกับใครเลย ถ้าจดทะเบียนรับรองบุตรให้เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายต้องให้เด็กและมารดาเด็กยินยอม กฎหมายไม่ได้บังคับว่าคู่สมรสของฝ่ายชายต้องยินยอมด้วย
          3) ศาลพิพากษาว่าเป็นบุตร  ถ้าชายไม่ยอมจด หรือฝ่ายฃายอยากจดแต่มารดาเด็กไม่อาจยินยอมได้ เพราะตาย หรือสูญหาย เพื่อจะได้มีสิทธิรับมรดก  (อายุความ 1 ปี นับแต่เด็กบรรลุนิติภาวะ)
การฟ้องให้ศาลพิพากษาว่าเด็กเป็นบุตร ต้องมีเหตุอ้างอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
           1) หญิงมารดาถูกข่มขืนในระยะเวลาซึ่งอาจตั้งครรภ์ได้
            2) หญิงมารดาถูกลักพาไปในทางชู้สาว
            3) มีเอกสารของบิดาแสดงว่าเด็กเป็นบุตร
             4) บิดาเป็นผู้แจ้งการเกิดเอง หรือยินยอมให้แจ้งในทะเบียนคนเกิดว่าเด็กเป็นบุตร
             5) บิดามารดาอยู่กินด้วยกันอย่างเปิดเผย
             6) ได้มีการร่วมประเวณีกับหญิงมารดาในระยะเวลาซึ่งหญิงอาจตั้งครรภ์ได้ ควรเชื่อได้ว่าเด็กนั้นมิได้เป็นบุตรของชายอื่น
              7) มีพฤติกรรมที่รู้กันทั่วไปตลอดมาว่าเป็นบุตร


กรณีตัวอย่าง
          สมศักดิ์สามีของสมศรีเป็นคนเจ้าชู้มาก มีเมียหลายคน และ มีลูกกับทุกเมีย แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับใคร ลูกของสมศรีใช้นามสกุลของพ่อเด็กในใบเกิด สมศักดิ์มีเมียทีไร ก็จะปลูกบ้านให้อยู่ และยกให้เมียและลูกนั้น  ส่วนของสมศรีก็เช่นกันแต่ไม่ได้ยกให้เป็นลายลักษณ์อักษร ส่วนของลูกเมียคนอื่นเขาได้ยกให้เป็นลายลักษณ์อักษรแล้วในกรณีนี้ ลูกของสมศรี ถือได้ว่าเป็นบุตรนอกสมรส  การที่จะทำให้ลูกของสมศรีเปลี่ยนฐานะเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายได้นั้น  สามารถเลือกจะทำได้ 3 วิธี ที่กล่าวแล้วข้างต้น เว้นสามีไม่ยินยอม ทำทั้งกรณีที่ 1 และ 2  ก็ใช้วิธีการที่ 3 คือ ร้องขอต่อศาล
           สำหรับเรื่องบ้าน ที่อยู่ก็ขอให้สามีดำเนินการยกให้ถูกต้อง เพราะหากเมื่อสามีเสียชีวิตทรัพย์สินทั้งหมดก็จะกลายเป็นมรดกซึ่งต้องแบ่งให้ทายาทเท่ากัน(ดูเรื่องมรดกที่ได้เขียนไว้แล้ว)



 ที่มา :  http://www.oknation.net/blog/watcharakorn/2007/04/23/entry-1

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น